2/03/2554

ภูมิแพ้อาหารกับวิถีธรรมชาติ

ภูมิแพ้อาหารกับวิถีธรรมชาติ . . .ออร์แกนิก (แม่และเด็ก)

          
ทุกวันนี้พบเด็กที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หนักเอาการค่ะ โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้อาหารพบได้บ่อยมากที่สุด แต่จะมีแพ้มาก-แพ้น้อย ในแต่ละรายก็มีอาการแตกต่างกันไป แต่คนที่กลุ้มใจคงหนีไม่พ้นพ่อแม่อย่างเราๆ ที่ต้องสรรหาสารพัดวิธีมากำราบเจ้าภูมิแพ้ ไม่ให้มีฤทธิ์มีเดชทำร้ายลูกสุดเลิฟได้
          
 เข้าอกเข้าใจ โรคภูมิแพ้อาหาร” 


          โรคภูมิแพ้อาหาร อาจเป็นโรคใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจไม่คุ้นเคยนัก และยังมองหาความรู้ในโรคนี้ได้น้อย อาการที่สังเกตได้จึงวินิจฉัยได้ค่อนข้างยาก เพราะอาการของโรคนี้แสดงได้หลากหลายมาก เช่น  เกิดผดผื่นคัน อาการผิดปกติกับระบบทางเดินหายใจ อาเจียน ถ่ายเป็นเลือดบางรายอาจมีอาการถึงขั้นช็อคและเสียชีวิตได้ แต่อาการหลังนี้ยังพบน้อยมาก ส่วนใหญ่เด็กในบ้านเรามักจะแพ้นมวัว ไข่ กลูเต็นจากแป้งสาลี และอาหารทะเล ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างกับประเทศในแถบตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาและอังกฤษ ที่พบการแพ้ถั่วลิสง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ปัจจุบันมีการคิดค้นวัคซีนป้องกันภูมิแพ้โปรตีนในถั่ว แต่ยังอยู่ในขั้นของการทดลอง

            ภูมิแพ้อาหารโตแล้วหายได้เองไหม

          ด้วยธรรมชาติของโรคนี้ ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้และส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นในช่วงอายุ 3-5 ปีไปแล้ว แต่จะมีจำนวนผู้ป่วยเพียง 10-20% เท่านั้น อาจเป็นภูมิแพ้อาหารไม่หายไปจนโตหรือกินอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้เพียงเล็กน้อย แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้อาหารในวัยเด็ก เมื่อโตขึ้นและหายจากอาการแพ้อาหารแล้ว อาจจะเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่นได้อีกด้วย แต่ที่สำคัญเราไม่ควรปล่อยปละละเลยลูกที่เป็นโรคภูมิแพ้แล้วเอาแต่หวังว่าโรคมันจะหายไปเองได้ง่ายๆ 

            รู้ได้อย่างไรว่าลูกแพ้อาหารอะไรบ้าง

          ควรพาเจ้าตัวเล็กพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้โดยตรงคุณหมอจะทำการซักประวัติอย่างละเอียด พร้อมคำถามต่างๆ มากมายเกี่ยวกับอาการที่ลูกเป็น จากนั้นก็อาจให้คุณแม่ลองงดอาหารที่สงสัยว่าลูกจะแพ้ และสังเกตว่า อาการดีขึ้นหรือไม่ โดยก่อนเริ่มงดอาหารนั้น ให้เริ่มบันทึกชนิดของอาหาร เวลาที่กิน และอาการแพ้ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งวิธีการทดสอบภูมิแพ้มี 2 วิธีด้วยกันคือ ทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง หรือการตรวจเลือด ซึ่งอาจไม่ค่อยได้ประโยชน์มากนักสำหรับสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอาหารค่ะ

            อยากชนะภูมิแพ้ต้องลงทุน 

          ไม่มีของอะไรที่ได้มาฟรีๆ โดยไม่ต้องลงทุน เพียงต้องลงมือทำกันตั้งแต่วันนี้ โดยพยายามหาหนทางป้องกันภูมิแพ้ทางอาหารของลูกให้ดีที่สุด ก่อนถึงวัยที่ร่างกายของเจ้าตัวเล็กจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโรคนี้ได้

            ดื่มนมแม่ให้นานที่สุด โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 6-12 เดือนแรก ก็สามารถช่วยป้องกันภาวะภูมิแพ้อาหารได้ค่ะ เพราะโปรตีนนมแม่ย่อยและดูดซึมได้ง่าย และมีสารกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ เช่น เซลล์บุผนังลำไส้ เมื่อเซลล์นี้ได้รับการกระตุ้นให้เจริญเติบโตได้ดี ก็สามารถช่วยป้องกันอาการแพ้โปรตีนบางชนิดจากอาหารอื่นได้

            หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ โดยให้อาหารอื่นที่มีสารอาหารใกล้เคียงกันทดแทน เช่น ในเด็กที่แพ้นมวัวสามารถให้เด็กดื่มนมถั่วเหลือง หรือนมแพะแทนก็ได้ นอกจากนี้ ควรให้อาหารที่อาจจะแพ้ง่ายได้ช้าลง เช่น ให้ทานไข่หลังอายุ 10 เดือนขึ้นไป หรือให้ทานอาหารทะเลในช่วงหลังวัย 2 ปี เป็นต้น แต่หากจะให้มั่นใจ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด

          


            โภชนาการบำบัดด้วยออร์แกนิก 

          สำหรับแนวทางการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ยังไม่มียาตัวใดที่สามารถรักษาความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันได้ค่ะ จึงมีผู้คนหลายๆ คนเริ่มทดลองแนวทางใหม่ๆ ในการรักษาผสมผสานเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ โภชนาการบำบัดด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือที่เรียกว่า ออร์แกนิก

          ซึ่งหากคุณแม่มีการดูแลร่างกายตั้งแต่ก่อนและขณะตั้งครรภ์ด้วยวิธีการที่ได้รับการรับรองจากการแพทย์ เพื่อกำจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารออร์แกนิก ความเสี่ยงต่อโรคทั้งหลาย เช่น ออทิสติก หอบหืด ภูมิต้านทานบกพร่อง มะเร็งที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยก็จะลดน้อยลงและตัวคุณแม่ก็จะแข็งแรงด้วย

          แต่หากจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไป แม้ว่าทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์ของออร์แกนิกจะมีราคาสูง แต่หากการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของการสร้างสุขภาพที่ดี และการคืนสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ให้กับธรรมชาติ ออร์แกนิกจึงน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัว และคุ้มค่าสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดีค่

1/19/2554

วิธีปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้


    4  วิธีเบื้องต้นที่ควรรู้
             ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะโรคแพ้อากาศและโรคหืด มักเป็นเรื้อรัง หรือเป็นแล้วเป็นอีกแต่ถ้าท่านรู้จักวิธีปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง อาจสามารถเอาชนะโรคภูมิแพ้ได้ โดยควบคุมอาหารไว้ไม่ให้แสดงออกมา หรือมีอาการก็เพียงเล็กน้อย จึงควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
            1.  พยายามกำจัดและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านที่พบมีผู้แพ้ได้บ่อย เช่น ฝุ่นในบ้าน ตัวไร ในฝุ่น เชื้อราในอากาศ แมลงสาบ ยุง แมลงวัน และมด เป็นต้น
                     -  ห้องนอน ต้องจัดให้มีของอยู่น้อยที่สุด เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายและไม่เป็นที่เก็บกักฝุ่น ที่นอน และหมอนไม่ควรใช้ที่ทำด้วยนุ่น และต้องตากแดดบ่อย ๆ เพื่อฆ่าตัวไรในฝุ่น
                     ต้องไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีขน เช่น แมวและสุนัขไว้ในบ้าน
                     - พยายามหลีกเลี่ยงละอองเกสรหญ้า วัชพืช และดอกไม้ทุกชนิด
            2. พยายามหลีกเลี่ยงสารระคายเคือง และปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ได้ เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถยนต์ ควันธูปกลิ่นฉุน ๆ เช่น กลิ่นสี กลิ่นน้ำหอม การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น อาการเย็นจัด ร้อนจัดเกินไป แอร์เป่าหรือพัดลมเป่าโดยตรง ฯลฯ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อาจแพ้อาหารหรือผลไม้บางชนิดได้ จึงต้องใช้ความสังเกตให้ดีเมื่อกินอาหารบางอย่าง แล้วเกิดอาการของโรคภูมิแพ้ขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีผู้แพ้บ่อย ได้แก่ อาหารทะเล ถั่วต่าง ๆ เนื้อสัตว์ ไข่และนม เป็นต้น ถ้าพบว่าแพ้อาหารชนิดใดก็ควรงด
            3. ระวังรักษาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจให้ดีอยู่เสมอ โดยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มเหล้า งดสูบบุหรี่และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ทางด้านจิตใจ ก็ระวังอย่าให้เครียดหรือวิตกกังวลเกินไป และหากมีโรคติดเชื้ออยู่ในร่างกาย เช่น เป็นโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เจ็บคอบ่อย ๆ หรือแม้แต่ฟันผุ ก็ต้องรีบรักษา
            4.  ถ้าหากท่านได้ปฏิบัติดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถควบคุมอาการของโรคภูมิแพ้ได้ ต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาโดยตรง และใช้ยาช่วยระงับอาการตามที่แพทย์สั่งให้เท่านั้น สำหรับผู้ที่มีอาการมาก แพทย์อาจแนะนำให้ท่านรับการรักษาโดยการฉีดวัคซีนร่วมไปด้วย