11/21/2553

เรื่องที่น่าสนใจของโรคภูมิแพ้

เนื่องจากดิฉันเป็นโรคภูมิแพ้ จึงได้เสาะหาวิธีการต่างๆเพื่อจะได้นำมารักษาตัวเองให้อาการไม่เป็นหนักจนเกินไป    จากการเข้าไปศึกษาค้นคว้าเพื่อจะได้รู้ทันอาการก็ทำให้เกิดความสนใจอื่นๆตามมาจนได้กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งที่ต้องศึกษาค้นคว้าไปเรื่อยๆๆๆ  และดิฉันเองก็อยากจะแบ่งปันความรู้ดีๆๆๆให้กับผู้ที่สนใจอ่านบล็อคนี้

โดยได้เนื้อหาจากการศึกษาค้นคว้าว่าการที่จะเป็นโรคภูมิแพ้เกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง   ดังนี้
เมื่อร่างกายได้รับสารชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ทางผิวหนัง ทางรับประทาน ทางลมหายใจ หรือจากการฉีดยา หากร่างกายรับสารนั้นได้ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกาย แต่หากสารนั้นเป็นสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย อาจจะรุ่นแรงมากจนทำให้เกิดเสียชีวิตกระทันหันเรียกว่ายังไม่ได้ถอนเข็มก็เกิดอาการแล้ว หรือบางกรณีอาจจะเกิดปฏิกิริยาภูมิมาในภายหลังโดยที่ตัวคนไข้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปรับสารใดมาบ้าง ความรุนแรงและความรวดเร็วของการเกิดภูมแพ้ขึ้นชนิดของภูมิแพ้ซึ่งแบ่งออกเป็น


อาการของโรคภูมิแพ้ขึ้นอยู่กับว่า ภูมิแพ้นั้นเกิดขึ้นที่ระบบใด สำหรับผู้ใหญ่สามารถที่จะให้ประวัติและบอกอาการได้ก็จะช่วยใน
การวินิจฉัยอาการของโรคภูมิแพ้ที่พบได้มีดังนี้


gE - Mediated Reaction
เมื่อร่างกายได้รับสารภูมิแพ้ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันชนิด IgE ขึ้นเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม
  • IgE จะจับกับโปรตีนของสารภูมิแพ้และเกาะกับผิวของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า Mast cell
  • หลังจากนั้นจะเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตามมาทำให้เกิดการหลังของสารเคมอีกหลายชนิด histamine heparin Protease Eosinophil chemotactic factor Neutrophil chemotactic factor ,Leucotriene ,prostaglandin


สารต่างๆเหล่านี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลันที่เรียกว่า Anaphylaxis ซึ่งมีอาการดังต่อไปนี้
  • ผื่นที่ผิวหนัง เช่นผื่นแพ้ ลมพิษ คันตามผิวหนัง
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม
  • ไอแน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด โรคหอบหืด
  • เคืองตาและตาแดง เคืองจมูก
  • บวมรอบปาก อาเจียนและถ่ายเหลว
  • แสบคอ น้ำมูกไหลลงคอ หูอื้อ


จะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กเป็นโรคภูมิแพ้
สำหรับผู้ใหญ่สามารถบอกอาการได้ แต่เด็กบอกอาการไม่ได้ ผู้ปกครองต้องสังเกตอาการและอาการแสดงของเด็กโดยดูจากโครงร่างกาย ผิวหนัง และลักษณะหน้า เด็กที่เป็นภูมิแพ้มักจะมีขนาดตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไป ลักษณะใบหน้าของเด็กที่เป็นภูมิแพ้มีดังนี้

  • Allergic Shiners เด็กจะมีขอบตาดำคล้ำเนื่องจากเส้นเลือดดำที่ขอบตาขยาย
  • Dennie-Morgan Lines เด็กที่เป็นภูมิแพ้จะมีรอยย่นที่ใต้หนังตาล่าง
  • Long Face S yndrome เด็กที่เป็นภูมิแพ้ คัดจมูก และมีโรคหอบหืดจะมี เพดานปากสูงขึ้น ฟันบนยื่นออกมา ต้องหายใจทางปากเนื่องจากคัดจมูกอยู่ตลอดเวลา เยื่อบุจมูกจะบวมและซีดเนื่องจากถูกภูมิแพ้กระตุ้นอยู่ตลอดเวลาทำให้หายใจไม่ออก
  • Nasal Salute เด็กที่ภูมิแพ้จะมีอาการคันจมูกมักจะเอาฝ่ามือเช็ดจมูกอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดรอยย่นที่ดั่งจมูก
  • Facial Tics เด็กที่เป็นภูมิแพ้จะมีอาการคันจมูกทำให้ต้องย่นหน้าและจมูกเหมือนตัวตลก
  • Keratosis Pilaris ผิวหนังของเด็กที่เป็นภูมิแพ้จะแห้งและหยาบโดยเฉพาะผิวหนังบริเวณบริเวณแก้ม แขน หน้าอก
  • Atopic Ezema ผิวหนังบริเวณข้อพับจะมีรอยเกาเป็นผื่น บางรายมีน้ำเหลือง
  • Conjunctivitis เด็กจะเคืองตาและขยี้ตาอยู่ตลอดเวลา เยื่อบุตาจะบวม
  • Glue ear เด็กที่คัดจมูกอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ มีหนองไหลออกจากหู
  • Posterior nasal drip น้ำมูกจะไหลลงคอตลอดเวลาทำให้เด็กระคายคอ บางคนไอเรื้อรัง


การรักษา โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้


โรคภูมิแพ้ ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
       การรักษาของแพทย์นั้น หวังผลเพียงให้ผู้ป่วยไม่มีอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มีอาการเรื้อรังอยู่นานๆไม่รักษา อาจเกิดหูอื้อจนการได้ยินสูญเสียไปอย่างถาวร (Serous-Adhesive otitis media) หรือมีเนื้องอกในจมูก (Nasal polyp) เกิดขึ้น หรือเป็นไซนัสอักเสบได้ (ไซนัสอักเสบอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผนังกั้นโพรงจมูกคด มีเนื้องอก มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก รากฟันบนอักเสบ ฯลฯ) ผู้ป่วยอาจมีอาการหอบหืดอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายได้



การรักษาโรคภูมิแพ้


1. รับประทานยา ฉีดยาหรือพ่นยาแก้แพ้เป็นประจำ

2. รักษาโรคติดเชื้อแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อของทางเดินหายใจ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หูอักเสบ หลอดลมอักเสบ

3. ผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติ ที่ทำให้มีอาการแพ้มากขึ้น เช่น ตัดเนื้องอกในจมูก ขูดต่อมแอดีนอยด์ (Adenoid) หลังโพรงจมูกออก ขยายโพรงจมูก (Functional nasal surgery) ให้กว้างขึ้น แก้ไขภาวะอุดตันของโพรงไซนัส (Osteomeatal complex) และโพรงจมูก เพื่อให้หายใจสูดและสั่งน้ำมูกได้สะดวก สามารถใช้โพรงจมูกและโพรงไซนัสกรองอากาศให้สะอาด ปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม ก่อนหายใจผ่านช่องคอและกล่องเสียงเข้าสู่ปอด

การควบคุมโรคภูมิแพ้นั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรใช้วิธีใดหรือหลายๆ วิธีร่วมกัน เพื่อป้องกันและรักษาไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการแพ้หรือเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นขึ้นกับว่าผู้ป่วยจะสามารถปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ได้สม่ำเสมอหรือไม่